Last update : January 2024
Nikon Z6 ii รีวิว
ในบทความนี้ ผมจะเขียนรวมเกี่ยวกับ Nikon Z6 และ Z6 ii นะครับ เพราะหลักๆ แล้วสองรุ่นนี้ก็ต่างกันอยู่ประมาณนึงแต่ไม่ถึงขนาดว่าเป็นคนละรุ่นกันเลย
เดิมทีเดียวนั้นผมใช้ Nikon D750 สองตัวในการทำงาน ( Nikon D750 รีวิว ) แต่พอ Z6 ออกมาผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป็น Z Series ด้วยเหตุผลหลักคือมีระบบกันสั่นหรือ IBIS (In-body Image Stabilization) ซึ่งงาน wedding ที่ผมถ่าย ส่วนมากจะเป็นวันเลี้ยงฉลอง ต้องถ่ายในสภาพแสงน้อยบ่อยๆ การเปลี่ยนมาใช้ Z6/Z6 ii จึงถือได้ว่าตอบโจทย์การทำงานได้มาก
High ISO ยอด Dynamic range เยี่ยม Skin tone สวย สีอิ่มแน่น น้ำหนักเบา มีกันสั่น โฟกัสได้ที่ -3.5 EV มองมือตัวเองไม่เห็น แต่โฟกัสได้ ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ ถึงความสามารถของมัน ก็จะได้ประมาณนี้ครับ
Z6 / Z6 ii Comparison :-
อันดับแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Z6 ii มีการ์ดสองช่องแล้วนะ ^^’ จากเดิม Z6 ให้ XQD/CFexpress มาแค่ช่องเดียว เปิดตัวมาปุ๊บ ทั้งแฟนบอยและไม่แฟนบอย บ่นกันให้พรึม 555+ เอาเป็นว่ามีแล้วนะ 55+ 😛
ต่อมาก็คือความเร็วในการทำงาน ทั้งการโฟกัสแบบ Single และ และ Continuous, การโฟกัสในที่แสงน้อย เนื่องจาก Processor ของ Z6 ii นั้นเป็น Dual EXPEED6 จึงมีความเร็วสูงกว่า Z6 ครับ อย่างอื่นก็ตามตารางข้างล่างนี้ แต่ถ้าใครอยากได้แบบละเอียดแนะนำที่นี่ครับ [Z6 vs Z6 ii Comparison]
Image Quality :-
ตามที่ DxO ทดสอบ Z6 กับ Z6 ii มี Image Quality ใกล้เคียงกัน [ อ่าน Nikon Z6II vs Nikon Z6] โดยที่ Z6 จะเด่นกว่าในเรื่อง Color Depth ส่วน Z6 ii เด่นกว่าเรื่อง Dynamic Range และ Low-Light ISO แต่ในการทำงานจริง ผมคิดว่าเรื่องคุณภาพไฟล์ ไม่ได้ต่างกันแบบเห็นด้วยตาเปล่าหรอกครับ แต่ถ้าเป็นความเร็วล่ะเห็นชัดแน่นอน
โดยรวมไฟล์ของ Nikon แทบทุกรุ่น มีความยืดหยุ่นสูง สีสวย ปรับแต่งได้มาก รวมถึง High ISO ก็ทำได้ดี ทำงานง่าย จบงานเร็ว ลองดูสีสัน ความอิ่ม skin tone และ dynamic ของภาพด้านล่างนี้ครับ
Card slots :-
อย่างที่บอกครับ Z6 ให้ XQD มาช่องเดียว (เมื่ออัปเดทเฟิร์มแวร์ก็จะสามารถใช้ CFexpress ได้) เลยโดนสวดประมาณนึงส่วน Z6 ii มีมาให้แล้วขรั่บบบ .. ใช้ได้ทั้ง XQD/CFexpress และ SD Card UHS-II การเขียนอ่านรวดเร็ว ตอบสนอง Dual Processor ได้อย่างดี แต่ใครจะใช้ CFexpress ต้องซื้อ Card reader ใหม่ด้วยนะเพราะ XQD Card reader ใช้กับ CFexpress ไม่ได้ ส่วนตัวผมใช้ XQD ของเดิมที่เคยซื้อไว้ก็เพียงพอแล้ว ประหยัดเงินค่า Card reader ได้อีกหน่อย
High ISO performance :-
ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งของ Z6 เลยนะครับที่ให้คุณภาพไฟล์ที่ ISO สูงที่ดี อย่าง 25600 ก็ยังคงใช้งานได้ เพียงแต่ต้องลด noise ลงสักนิด หรือหากจะทำเป็น BW ก็ไม่มีปัญหา ต้องยอมรับว่ากล้องรุ่นใหม่ๆ การใช้ ISO ระดับ 6400 ขึ้นไปนี่เป็นอะไรที่ปกติมาก เดี๋ยวนี้ต้องไปดูกันระดับ 25600 – 51200 แล้วว่าพอจะใช้ได้หรือเปล่า
ใครที่ทำงานกับแสงน้อยบ่อยๆ อย่างงาน wedding ผมแนะนำว่าให้ดัน iso ไปเลยแล้วถ่ายให้ได้ภาพมาก่อน แต่อย่าถ่ายเผื่อมาทำมาขุดอะไรอีกครับ ดูให้พอดีใช้ตั้งแต่หน้างานเลย หลังจากนั้นเอามาลด noise นิดหน่อยก็จะได้ภาพแน่นอน บางคนกลัวที่จะใช้ iso สูงๆ จึงทำให้ต้องถ่ายด้วยชัตเตอร์ต่ำ แล้วหลายภาพที่ moment มันได้แต่ภาพดันไม่ชัด อันนี้ก็น่าเสียดาย แต่ยกเว้นการถ่ายเบลอแบบตั้งใจนะครับ อันนี้ไม่ว่ากัน แล้วแต่เทรนด์ของการถ่ายภาพในแต่ละช่วง แต่ละยุค
แถมค่าที่ใช้ในการลด Noise ที่ผมใช้ตามภาพด้านล่างครับ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับ ISO 12800 – 51200 แต่ไม่ค่อยแนะนำสำหรับ ISO ที่ต่ำกว่า 6400 นะครับ บางทีภาพมันมีเกรนนิดหน่อย จะดูดีกว่าภาพที่เนียนเกินไป ค่าที่ใช้นี่ก็ถือว่าค่อนข้างเนียนเหมาะสำหรับภาพบุคคล ถ้าเป็นภาพที่มีรายละเอียด ใช้ค่านี้มันจะวุ้นเกินไปนิด จะต้องลด Luminance และเพิ่ม Detail สักนิดหน่อยจะเหมาะกว่า
Dynamic Range :-
จุดเด่นของ Nikon ที่มีมาตลอด และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมย้ายมาใช้นิคอนก็เรื่อง dynamic range นี่แหละครับ สำหรับ Z6 ii ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะมันยังคงให้ dr ที่สูง และที่สำคัญปัญหาเรื่อง banding (ลักษณะเป็นเส้นๆ ในภาพ) ที่จะเห็นชัดเวลาขุดไฟล์เยอะๆ อย่างที่เจอใน Z6 นั้นไม่มีแล้ว แต่ตัวผมเองสังเกตว่ามันยังพอเห็นอยู่บ้าง แต่ก็น้อยมาก
เทคโนโลยีของกล้องแต่ละยี่ห้อในปัจจุบัน ทำให้ dr ของกล้องแต่ละแบรนด์ทำได้ดีมากๆ ตามรูปขนาดขุดกัน 6 stop ยังเอาไปใช้งานได้สบายๆ อันนี้ผมยืนยันครับ เพราะเคยทำสมัยใช้ D750 แล้ว ^^ ใครอยากไปดูกล้องรุ่นอื่นๆ ก็ตามไปที่นี่ได้ครับ [ Dpreview : Exposure Latitude]
ในส่วนเรื่องการใช้งานนั้น ผมแนะนำว่าไม่ควรใช้ความสามารถนี้บ่อยๆ (ถ่ายแล้วมาขุด) การทำงานควรเตรียมอุปกรณ์ให้แสงสว่างให้เพียงพอ เพื่อที่จะได้คุณภาพของภาพที่ดีที่สุด อาจจะยกเว้นการทำงานบางสภาพที่จำเป็น เพราะฉะนั้น การรู้ว่าอุปกรณ์ของเราทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ ก็จะทำให้เราสร้างงานได้ตามที่ต้องการครับ
ISO Invariance :-
หัวข้อนี้หมายถึงความสามารถของกล้อง ที่จะถ่ายภาพด้วย ISO ใดๆ ก็ได้ แล้วจะให้ภาพที่คุณภาพเทียบเท่ากัน เช่น ภาพๆ หนึ่ง ต้องถ่ายด้วย iso 6400 ถึงจะได้ค่าการรับแสงที่พอดี แต่คุณถ่ายด้วย iso 100 (ซึ่งภาพจะ under ไป 6 stop) แต่เมื่อคุณเอาภาพที่ถ่ายด้วย iso 100 นี้ ไปดึงใน LR คุณภาพ ภาพที่ได้ จะได้ใกล้เคียงกับการถ่ายด้วย Native ISO 6400 หรือเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า ISOless
ในหัวข้อนี้ทั้ง Z6 ii และ Z6 ทำผลงานได้ในระดับสุดยอด ความสามารถพวกนี้ไม่ได้ใช้กันบ่อยๆ เพียงแต่เราผู้เป็นเจ้าของกล้อง ควรจะต้องรู้ว่ากล้องของเรามีขีดจำกัดอะไร แค่ไหน เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็จะได้รีดความสามารถของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้ง dr และ ISO-invariance เป็นสิ่งที่ผมต้องการใช้ในการทำงาน การเลือกใช้นิคอนจึงตอบโจทย์ครับ ใครอยากดูกล้องรุ่นอื่นๆ เปิดได้ตามนี้ [Dpreview : ISO-invariance]
Autofocus :-
AF ของ Z6 ใช้งานได้ดีครับต่อกับ FTZ ก็ยังโอเคผมเปลี่ยนจาก D750 มาก็ไม่รู้สึกต่างกันนัก แต่หากเป็น Z6 ii นั้นจะดีกว่า เร็วกว่าครับแบบเห็นผล โดยเฉพาะในการโฟกัสในที่แสงน้อยซึ่งผมใช้งานบ่อยมากเพราะต้องถ่ายงานแต่งในที่แสงน้อยเป็นประจำ
โดยรวมแล้วถือว่าทำงานได้อย่างน่าพอใจ เพราะโฟกัสได้ถึง -3.5 EV (และ -4.5 EV สำหรับ Z6 ii) คือมืดแทบมองไม่เห็นแล้ว กล้องก็ยังโฟกัสได้อยู่ ในส่วนของการโฟกัสแบบต่อเนื่อง และกำหนดพื้นที่โฟกัสเพื่อนั้น Z6 ii ทำได้ดีกว่า Z6 อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่ออัปเดทเฟิร์มแวร์แล้ว
Buffer :-
บัฟเฟอร์ให้มา 35 fps แต่สาย wedding คงไม่มีใครกดยาวขนาดนั้น (Z6 ii ได้ 124 fps) เพียงแต่กล้องเขาไม่ได้ทำมาให้เฉพาะสาย wedding น่ะสิ ^^ อย่างจังหวะด้านล่างนี้ ผมก็กดชัตเตอร์ยาวนะครับ แต่ไม่เต็มบัฟเฟอร์ แต่อย่าลืมว่า XQD/CFexpress ก็มีความเร็วในการเขียนไม่ธรรมดานะครับ สาย wedding ผมมั่นใจว่าทันแน่นอน ส่วนสายกีฬาหรือสายความเร็วอื่นๆ ก็ว่ากันอีกเรื่องนะ ^^’
IBIS (In-Body Image Stabilisation) :-
เป็นฟีเจอร์หลักที่ทำให้ผมย้ายจาก D750 สองตัวมาใช้ Z6 สองตัวเนื่องจากในงาน Wedding จะต้องถ่ายในสภาวะแสงน้อยอยู่ตลอดเวลา การมีกันสั่นจะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายและมีโอกาสได้รูปที่ดีได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เอาจริงๆ ผมเองก็ยังชอบ Dslr อยู่นะ กะจะเอา D850 มาติดกระเป๋าเป็นกล้องสำรองไว้เหมือนกัน แต่พอนึกถึงฟังก์ชั่นกันสั่นขึ้นมาแล้วก็ลังเลเพราะการมีกันสั่นมันช่วยได้มากจริงๆ
ดูอย่างภาพช่วงแต่งหน้าด้านล่างครับ ภาพนี้ยืนพิงผนังแล้วเอามือถือถ่ายเลยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง ชัตเตอร์ราวๆ 1/2 – 1/5 วินาที กดมาเผื่อหลายภาพหน่อยรับรองว่าได้งาน นี่ยังไม่รวมถึงการถ่าย Decoration ที่ผมมักจะใช้ชัตเตอร์ 1/15 – 1/30 อยู่เป็นประจำ เพราะจะทำให้เราไม่ต้องใช้ ISO สูง เมื่อ ISO เราต่ำ ไฟล์ก็จะยืดหยุ่นจะขุดจะถมก็ทำได้ง่าย ไฟล์อิ่ม แน่น ได้รูปที่มี Dynamic ที่ดีครับ
Tilting LCD touch screen :-
อาจเรียกไม่ได้ว่าเป็นของใหม่อะไร แต่ในการทำงานจริงจอพับและจิ้มกดชัตเตอร์/โฟกัส ได้ เป็นความคล่องตัวที่ทำให้เราเลือกมุมได้รวดเร็วไม่พลาดชอตที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นมุมต่ำ หรือว่ามุมสูง อย่างภาพด้านล่างนี้ก็เป็นการถ่ายจากมุมสูง โดยใช้กล้องติดกับขาตั้งกล้อง แล้วพับจอลง จากนั้นก็ยกขึ้นไปยังตำแหน่งที่เรากะไว้ แล้วกดชัตเตอร์ด้วยรีโมท ทำให้เราได้มุมที่สื่อเรื่องราวได้ดี และหลีกเลี่ยงการบังมุมจากคนที่อยู่ข้างหน้าได้ครับ
โดยรวมก็จะประมาณนี้ครับ ในรายละเอียดส่วนอื่นๆ ก็มีเหลืออยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าไม่ได้เป็นประเด็นในการใช้งานจริงสักเท่าไหร่ ส่วนงานด้าน vdo ผมเองไม่ได้ใช้ ก็ต้องขออภัยไว้ด้วยที่ไม่ได้ให้ข้อมูลกับผู้อ่านครับ
:: Pros ::
- มี IBS (In-body Image Stabilize) ใช้งานได้จริง
- High ISO ขนาด 51,200 มีรูปกลับบ้าน ไม่ได้กริบ แต่ใช้งานได้จริง
- Z6 ii ไม่มี Banding เมื่อขุดมากๆ ต่างจาก Z6 ที่ยังพอมองเห็นอยู่บ้าง
- Z6 ii AF ทำงานที่ -4.5 EV งาน wedding ถือว่าได้ใช้ (ใช้กับเลนส์ตั้งแต่ f2 หรือสว่างกว่า) ส่วน Z6 ได้ที่ -3.5 EV
- ไฟล์ดี สีสวยเช่นเคยทั้ง Z6/6ii
- Z6 ii ชาร์จผ่าน USB ได้ ส่วน Z6 ไม่ได้ แต่ผมถ่ายภาพนิ่งเป็นหลัก พกแบตสะดวกกว่า
- Z6 ii ติดกริ๊ปได้แล้วนะ แต่ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยเห็นติดกันสักเท่าไหร่ อาจจะหนัก ^^’
:: Cons::
- Z6 ใส่การ์ดได้ช่องเดียว ในงาน wedding แนะนำให้กล้องหลักใช้ตัวที่มีการ์ดสองช่องครับ ส่วนกล้องแคนดิดมีช่องเดียวก็ถือว่ารับได้
- Z6 ii แบตหมดเร็วกว่าเดิมหน่อย ยกเว้นใช้รุ่นใหม่ EN-EL15c ซึ่งมีความจุมากกว่า EN-EL15b อยู่ 20% ก็ไม่มีปัญหา
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันนะครับ ใครที่เล็งๆ Z6 ไว้ ณ เวลานี้ก็ถือว่ายังดีพอสำหรับการใช้งาน ในตลาดมือสองตอนนี้ราคาก็ไม่แพงแล้ว ยังหาสภาพดีๆ ชัตเตอร์น้อยๆ ได้อยู่ ส่วนใครมีงบหน่อย ก็แนะนำให้ไป Z6 ii ครับ ซึ่งเป็นรุ่นที่ปรับปรุงมาจาก Z6 มีทั้งการ์ดสองช่อง ทั้งความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น
บทความอื่นๆ ของผมครับ
ไฟล์ DNG คืออะไร
Dynamic Range คืออะไร
TonnamLamtan.Com
Tel : 089-117-8256
Comments are closed.