Dynamic Range คืออะไร
Dynamic Range ของกล้อง คือ ความสามารถของกล้องที่สามารถเก็บรายละเอียดในส่วนที่สว่างที่สุดและส่วนที่มืดที่สุดได้
กล้องที่มี Dynamic Range (DR) หรือช่วงการรับแสงที่กว้างนั้น จะมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์การถ่ายภาพของผม ที่เรียกว่า Wedding Photojournalism ที่เป็นแนวการจับจังหวะอารมณ์ ,เล่าเรื่อง, เล่น Gimmick ในภาพ และสร้างเรื่องราวจากภาพถ่ายเป็นสำคัญ
ผมเลือกใช้ Mode A + Auto ISO ที่สามารถกดชัตเตอร์ได้ทันทีไม่ว่าตาจะมองในช่องมองภาพหรือไม่ ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องการวัดแสงอย่างเช่นโหมด Manual แต่บางครั้งก็อาจจะได้ภาพที่โอเวอร์ พอดี หรือติดอันเดอร์ไปบ้าง ซึ่งถ้ากล้องมี DR สูง มันก็จะเก็บรายละเอียดได้กว้าง และนำมาปรับแต่งต่อใน Software อย่างเช่น Lightroom ได้ง่าย
![Dynamic Range in Wedding Photography 1 รีวิว Nikon D750 dynamic range](https://tonnamlamtan.com/wp-content/uploads/2020/12/1.jpg)
ที่มาของภาพด้านบน คือ ไฟ Follow ส่องลงที่ชุดของเจ้าสาวเป็นจุดเล็กๆ ทำให้มีความแตกต่างของแสงมาก ระหว่างชุดที่โดนแสงไฟกับใบหน้าของเจ้าสาว … สิ่งที่เราสามารถทำได้ (หากกล้องมี DR ต่ำ) ก็คือเลือกเอาว่าจะชดเชยแสงให้ใบหน้าได้รับแสงพอดี แล้วปล่อยให้ชุด Burn over ขาดรายละเอียดไป หรือจะเก็บรายละเอียดของจุดสว่างที่ชุดไว้ ยอมให้ภาพติดอันเดอร์แล้วไปแก้ใน Software ในภายหลัง ซึ่งจะไม่ได้ผลดีมากนักเพราะจะเกิด Noise มาก
หากกล้องเรามี DR สูง เราสามารถเก็บรายละเอียดที่ชุดเอาไว้ แล้วค่อยไปปรับแสงใน Software ได้อย่างง่ายดาย ดังเช่นภาพด้านบนเป็นต้น … ที่มาของภาพนี้คือผมตั้งโหมด Highlight weight เอาไว้เพื่อเก็บรายละเอียดของชุด โดยยอมให้ภาพโดยรวมอันเดอร์ไปบ้าง แล้วค่อยมาปรับเอาใน Software อีกที ซึ่งการทำแบบนี้ช่างภาพต้องรู้จักข้อจำกัดของกล้องตัวเองก่อน เพราะกล้องยี่ห้อเดียวกัน ถ้าต่างรุ่นกันก็อาจมี DR ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นควรทดสอบก่อนใช้งานเสมอ
ภาพที่ผ่านการแก้ไขเรียบร้อยแล้วดังภาพด้านบน ก็ไม่ใช่ภาพที่เนี้ยบมากเมื่อเทียบกับการถ่ายภายใต้แสงที่ดี ค่า ISO ที่ดี ค่าการเปิดรับแสงที่ดี ไม่ต้องเอามาขุดมาซ่อม แต่ในเมื่อเราอยู่ในภาวะที่เลือกไม่ได้ เวลามีแค่ 1-2 วินาที ที่เหตุการณ์นี้จะหายไป เราทำได้แค่เก็บภาพนั้นมาให้ดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งจากภาพที่ได้ ผมคิดว่ามันค่อนข้างโอเคมากสำหรับการ “ขุด” ถึง 5 Stop และ “ซ่อม” ด้วย Brush , Radial filter และ Gradient filter อีกหลายขนาน
![Dynamic Range in Wedding Photography 2 รีวิว Nikon D750 dynamic range](http://tonnamlamtan.com/wp-content/uploads/2020/12/AE_0978.jpg)
![Dynamic Range in Wedding Photography 3 Nikon D750 Dynanic range](http://tonnamlamtan.com/wp-content/uploads/2020/12/2-1.jpg)
ในภาพด้านบนจะซูมให้เห็นถึง Skin tone และ Noise หลังจากที่ปรับแก้เรียบร้อยแล้วจะเห็นว่า ภาพยังคงคุณภาพที่ดี แม้จะเพิ่ม Exposure ขึ้นมาถึง 5 Stop + Brush + Radial filter เฉพาะจุดแล้วก็ตาม ผมยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่ทดสอบ D750 เมื่อหลายปีก่อนนั้นค่อนข้างตกใจ เพราะไม่คิดว่าเมื่อดึงความสว่างขนาดนี้แล้ว สีกับคอนทราสต์ยังดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ (ดู Dynamic range ของ Nikon D750)
![Dynamic Range in Wedding Photography 4 Nikon D750 dynamic range](http://tonnamlamtan.com/wp-content/uploads/2020/12/1-2-1.jpg)
ภาพนี้ถูกถ่ายด้วยกล้องรุ่นเล็กอย่าง Nikon D7200 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเล็กพริกขี้หนู เพราะนอกจาก DR จะสูงมากไม่ธรรมดาแล้ว ยังมีสีสัน Skin tone ภายใต้แสงน้อยๆ สวยงามมากอีกด้วย
![Dynamic Range in Wedding Photography 5 Nikon D750 Dynamic range](http://tonnamlamtan.com/wp-content/uploads/2020/12/22-1.jpg)
สรุป
Dynamic Range ของกล้องที่สูงนั้น ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น ในบางครั้งเราจำเป็นจะต้องเก็บรายละเอียดของ Highlight เอาไว้ แล้วจึงนำภาพกลับมาแก้ไขใน Software ในภายหลัง ซึ่งเคสแบบนี้จะทำได้ไม่ดีนักในกรณีที่กล้องมี DR ต่ำ … เพราะฉะนั้นการทำงานในระดับอาชีพ ช่างภาพจำเป็นต้องรู้จักอุปกรณ์ของตัวเองให้ดี ว่าขีดจำกัดเรื่อง DR นั้น มีมากน้อยแค่ไหน
กล้องในยุคสมัยปัจจุบันนั้นพัฒนาด้าน DR ดีกว่ายุคแรกๆ มาก เหลือเพียงช่างภาพที่จะทำความเข้าใจมัน และประยุกต์ใช้งานคุณสมบัติของมันให้สามารถสร้างงานดีๆ ออกมาเท่านั้นครับ ส่วนใครที่ใช้กล้องใน Gen แรกๆ ก็ลองศึกษาและทดสอบดูนะครับว่า DR กล้องของเรานั้นมีขีดจำกัดอย่างไร ใช้งานได้แค่ไหน ฯลฯ
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ
อ้างอิง : บทความ What is dynamic range? ของ Adobe
www.instagram.com/chanarthip
Tonnamlamtan.Com
089-117-8256
Comments are closed.