งานแต่งในสวน :
บรรยากาศของไฟราว สายลม ไอดิน และกลิ่นหญ้า
การจัดงานแต่งในสวนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อาจจะด้วยเทรนด์การจัดงานแต่งในปัจจุบัน ที่เน้นเรื่องความกระชับ รวดเร็ว เชิญเฉพาะแขกคนสนิท และงบประมาณที่ควบคุมได้ง่ายกว่าการจัดในโรงแรม และด้วยความที่อยู่กับธรรมชาติ สายลม แสงแดดอ่อนๆ และอากาศเย็นๆ (หากจัดช่วงปลายปีนะ ^^’) ทำให้เป็นการจัดงานสุดโรแมนติกที่บ่าวสาวหลายคู่ใฝ่ฝันครับ
งานแต่งงานในสวนมีเสน่ห์เฉพาะตัว ตั้งแต่การตกแต่งสถานที่ที่เลือกได้ตามงบ หรือไม่ตกแต่งเลยเน้นความ real แบบธรรมชาติตกแต่งให้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ดอกไม้ สนามหญ้า ซึ่งก็เป็น Background ที่ดีสำหรับการถ่ายภาพ อีกทั้งยังเลือกเวลาในการจัดงานได้ ไม่ว่าจะเป็นงานเช้าที่สดชื่นสักหน่อย หรืองานเย็นที่หากตกแต่งด้วยไฟประดับ ก็จะเพิ่่มความโรแมนติกได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามการจัดงานในสวนต้องวางแผนให้ดีครับ โดยเฉพาะสภาพอากาศ การจัดเตรียมเต็นท์หรือพื้นที่สำรองก็ต้องเผื่อไว้สักหน่อย นอกจากนี้การจัดวางโต๊ะและที่นั่งก็ควรคำนึงถึงทิศทางแสงแดดและลมด้วย
การจัดงานแต่งงานในสวนจึงไม่เพียงแต่เป็นการควบคุมงบฯ ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ทำให้วันพิเศษของบ่าวสาวเป็นความทรงจำที่สวยงามและน่าจดจำสำหรับทุกคนที่มาร่วมงาน เราลองมาดูข้อดีข้อเสีย และการเตรียมตัวในกรณีที่จะจัดงานแต่งในสวนกันครับ
ข้อดี :
- บรรยากาศดี สวยงามตามธรรมชาติ ได้ความรู้สึกโรแมนติก มีฉากหลังที่สวยงามสำหรับถ่ายภาพ
- ควบคุมค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสถานที่ได้
- อากาศปลอดโปร่ง (แล้วแต่ช่วงเวลาที่จัดของปีด้วยนะ ^^)
- เลือกพื้นที่รองรับแขกได้ ไม่ว่าจะมีแขกมากหรือน้อย ไม่จำกัดพื้นที่เหมือนในห้องจัดเลี้ยง ซึ่งบางโรงแรมที่รองรับแขกได้มาก ก็จะราคาสูง
- สร้างความแปลกใหม่และความประทับใจให้กับแขกที่มาร่วมงาน
- มีความยืดหยุ่นในการจัดรูปแบบงานได้หลากหลาย
สถานที่ : Capella Hotel, Bangkok
ข้อจำกัด :
- สภาพอากาศอาจไม่เป็นอย่างที่คิด เช่น จัดงานช่วงหน้าหนาว เราอาจคิดว่าอากาศจะหนาว แต่นี่คือเมืองไทย อากาศอาจจะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ พอถึงวันจัดงานอากาศอาจจะร้อนอบอ้าวก็เป็นไปได้ครับ
- อาจมีแมลงรบกวน โดยเฉพาะถ้าจัดงานในช่วงเย็นหรือกลางคืน
- ต้องเตรียมแผนสำรองหากเกิดสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เช่น พื้นที่สำรอง หรือเต็นท์ ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่าย
- การควบคุมเสียงและแสงทำได้ยากกว่าในห้องจัดเลี้ยง และอาจมีค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้สูงกว่าการจัดในอาคาร
- อาจต้องเตรียมเรื่องห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพิ่มเติม
สถานที่ : The Peninsular Hotel
ข้อแนะนำ:
- ควรเลือกช่วงเวลาที่อากาศดี ช่วงหนาวปลายปี น่าจะดีกว่าช่วงหน้าร้อน หรือหน้าฝนครับ
- ควรมีเต็นท์หรือพื้นที่ในร่มสำรอง
- ดูเรื่องไฟฟ้าและแสงสว่างให้เพียงพอ
- ควรแจ้งแขกล่วงหน้าเรื่องการแต่งกายให้เหมาะสมกับสถานที่
สิ่งที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวควรทำในการจัดงานแต่งงานในสวน :
1. การวางแผนก่อนงาน
- เลือกฤดูกาลที่เหมาะสม เป็นช่วงปลายปีจะดีมากครับ ลดความเสี่ยงเรื่องสภาพอากาศ
- สำรวจสถานที่หลายครั้งในช่วงเวลาที่จะจัดงานจริง บางสถานที่เวลาเช้ากับเย็น อาจจะต่างกัน เช่น ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ การจราจร ฯลฯ
- วางแผนงบประมาณให้รอบคอบ รวมถึงค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปกติแล้วอาจจะต้องเผื่อไว้สัก 10-20% จากงบประมาณครับ
- จองทุกล่วงหน้าเร็วหน่อยก็ดีครับ อย่างน้อย 8-12 เดือน บางสถานที่ ที่เป็นไฮไลท์การจัดงานแต่งในสวน ก็จะเป็นที่รู้จัก และเป็นที่ต้องการของบ่าวสาวหลายๆ คู่เช่นเดียวกัน
2. การเตรียมสถานที่
- จัดเตรียมเต็นท์หรือพื้นที่สำรองกรณีฝนตก การจัดงานแต่งในสวนต้องมีแผนรับมือกับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน การเตรียมเต็นท์หรือพื้นที่สำรอง เช่น ศาลาหรือโครงสร้างกันฝน จะช่วยให้งานดำเนินต่อได้อย่างราบรื่น ควรเลือกเต็นท์ที่มีขนาดเหมาะสมและสอดคล้องกับธีมงาน เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศโรแมนติกในสวน
- วางแผนเรื่องไฟฟ้าและแสงสว่างให้เพียงพอ งานในสวนมักจัดในช่วงเย็นหรือค่ำ แสงสว่างเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศ ควรติดตั้งไฟประดับ เช่น ไฟปิงปอง หรือโคมไฟ LED และตรวจสอบว่าแหล่งจ่ายไฟรองรับได้เพียงพอ
- จัดเตรียมห้องน้ำเคลื่อนที่ (ถ้าจำเป็น) หากสถานที่ในสวนมีห้องน้ำไม่พอ ก็ต้องเช่าห้องน้ำเคลื่อนที่ครับ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แขกที่มาในงาน และควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลจากพื้นที่จัดงาน และเพิ่มป้ายบอกทางเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายด้วย
- กำหนดพื้นที่จอดรถให้ชัดเจน การมีพื้นที่จอดรถที่เพียงพอและชัดเจนช่วยให้แขกรู้สึกสะดวกสบาย ควรเตรียมป้ายบอกทางไปยังจุดจอดรถ และอาจจัดเจ้าหน้าที่หรือพนักงานดูแลการจอดรถเพื่อความเป็นระเบียบ พร้อมทั้งจัดเส้นทางเดินจากลานจอดไปยังพื้นที่จัดงานให้ปลอดภัยและสะดวกที่สุด
สถานที่ : The Author’s Lounge @ Mandarin Oriental Hotel
3. การดูแลแขก
- แจ้งแขกล่วงหน้าเรื่องการแต่งกายที่เหมาะสม
- จัดเตรียมยาทากันยุงและสเปรย์กันแมลง
- มีป้ายบอกทางชัดเจนในจุดต่างๆ
4. อาหาร
- เลือกเมนูที่เหมาะกับสภาพอากาศ
- เตรียมเครื่องดื่มให้เพียงพอ
- วางแผนการจัดการขยะ
สถานที่ : The Author’s Lounge @ Mandarin Oriental Hotel
5. การเตรียมตัวส่วนบุคคล
- เตรียมชุดสำรองกรณีฉุกเฉิน
- เลือกรองเท้าที่เหมาะกับพื้นผิว
- เตรียมอุปกรณ์แต่งหน้าสำหรับทัชอัพ
- นำร่มหรือพัดพกติดตัว
6. การประสานงาน
- แต่งตั้งผู้ประสานงานหลัก
- มีการซักซ้อมพิธีการล่วงหน้า
- จัดทำไทม์ไลน์ชัดเจนให้ทุกฝ่าย
- มีทีมงานดูแลความเรียบร้อยตลอดงาน
8. การตกแต่งสถานที่
- เลือกดอกไม้ที่ทนความร้อน
- จัดเตรียมไฟประดับสำหรับช่วงเย็น
- ออกแบบการตกแต่งที่กลมกลืนกับธรรมชาติ
- กำหนดจุดถ่ายภาพที่สวยงาม
9. การจัดการเสียง
- ทดสอบระบบเสียงล่วงหน้า
- เตรียมไมโครโฟนไร้สายสำรอง
- วางแผนตำแหน่งลำโพงให้เหมาะสม
- คำนึงถึงทิศทางลมที่อาจกระทบเสียง
สรุป :
การจัดงานแต่งในสวนเป็นตัวเลือกที่โรแมนติกและใกล้ชิดธรรมชาติครับ แต่ต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบสักหน่อย ควรเตรียมเต็นท์หรือพื้นที่สำรองเผื่อฝนตก พร้อมวางแผนเรื่องแสงสว่างและไฟฟ้าให้เพียงพอ การจัดเตรียมห้องน้ำและพื้นที่จอดรถช่วยอำนวยความสะดวกให้แขก นอกจากนี้ การตกแต่งและการเลือกธีมควรสอดคล้องกับบรรยากาศของสวนเพื่อสร้างความประทับใจ สุดท้ายคือการมีแผนสำรองในทุกด้านเพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วย
บทความอื่นๆ ของผมครับ
รีวิว Nikon Z 50mm f/1.4
รีวิว Nikon Z6ii
ไฟล์ DNG คืออะไร
Dynamic Range คืออะไร
Photo : TonnamLamtan.Com
Tel. 089-117-8256 / 089-895-2885
IG : www.instagram.com/chanarthip
Another Wedding : TonnamLamtan.Com
Comments are closed.