Last update : Jan, 2025
รีวิว Nikon Z6iii
In Short :
– เป็นกล้องที่ครบเครื่อง ทั้งภาพนิ่งและ vdo
– ระบบ auto focus ดีขึ้นมากแบบผิดหูผิดตา 3D tracking แม่นยำขึ้น
– จอ Flip มาแล้วนะ
– AF ทำงานได้ที่ -10 EV (กับเลนส์ f/1.2)
Spec สำคัญ
– 24 MP Partially stacked CMOS sensor ตัวแรกในโลก
– ถ่ายต่อเนื่อง 14 fps และ 20 fps (electronic)
– กันสั่น (In-body image stabilization) 8 stop
– EVF 5.76 ล้านจุด แบบ high brightness wide color gamut
– 6K/30p ProRes Raw, 6K/60p N-Raw video
– 5.4K/60p H.265 video
– Pre-burst capture, pixel-shift high-res mode
รีวิว Nikon Z6iii นี้ก็จะขอเล่าในส่วนของภาพนิ่งในสายงาน wedding เป็นหลักนะครับ ส่วนงานด้าน vdo หรืองานสายอื่นๆ ต้องขออภัยที่ไม่ได้กล่าวถึง
ตอน Z6iii เปิดตัวก็ได้ยินเสียงชมว่ามันเป็นกล้องที่รับจบเกือบทุกด้านทั้งภาพนิ่งและ vdo แต่ก็จะมีสาย Landscape ที่บ่นๆ อยู่นิดหน่อยเรื่อง dynamic range มันน้อยลงกว่ารุ่นพี่ Z6ii ( PDR 11.26 vs 10.44 / ดู [ Photon to Photo ] ) แต่สำหรับผมซึ่งเป็นสาย wedding ต่างกันประมาณนี้ แต่ได้ฟีเจอร์อื่นๆ เพิ่มเข้ามา ก็ถือว่าพอได้อยู่ .. เอาล่ะมาดูจุดที่น่าสนใจกันครับ
Partially stacked CMOS Sensor
Z6iii ใช้ sensor ตัวใหม่ที่นิคอนเรียกว่า Partially stacked ซึ่งเป็นเทคนิคในการผลิต sensor ให้มีความเร็วสูงขึ้นแต่ต้นทุนการผลิตไม่สูงมาก โดยการนำชุด processing circuit ไปฝัง (bonded) ไว้ใน chip โดยตรงในส่วนด้านบนและด้านล่างของ sensor (ที่ผมทำลูกศรสีแดงชี้ไว้ตามรูปด้านล่าง) โดยนิคอนบอกว่ามันเร็วกว่า Z6ii ถึง 3.5 เท่า
ประโยชน์ที่ได้คือความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลจะเร็วขึ้นมาก ระบบโฟกัสตอบสนองได้ดีขึ้น ถ่ายต่อเนื่องได้เร็วขึ้น ลดปัญหา Rolling Shutter และลดอาการภาพย้วยในช่องมองภาพ แต่ผลอีกด้านหนึ่งก็คือ dr ลดลงและ noise เพิ่มขึ้นครับ
Auto Focus
Z6iii ใช้ EXPEED 7 processor ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Z8/9 และ Zf ทำให้มีความเร็วในการโฟกัสเทียบเท่ากับรุ่นพี่ (เร็วกว่า Z6ii อยู่ 20%) และที่ผมคิดว่าหลายคนชอบและใช้กันบ่อยๆ ก็คือ 3D tracking ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานสนุก เมื่อประกอบกับ partially stacked CMOS sensor ที่มีความเร็วสูงด้วยแล้ว ก็จะทำให้ระบบโฟกัสของ Z6iii ได้รวดเร็วแต่ก็มีหลายความเห็นที่บอกว่าระบบโฟกัสของ Z6iii ไม่เวิร์ค เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็คงต้องแนะนำให้ไปลองกันเองน่าจะดีกว่าครับ ส่วนตัวผมเองไม่มีปัญหาอะไร และชอบสำหรับฟังก์ชั่นนี้ครับ (3D Tracking)
ในส่วนของงาน wedding นั้น ผมเปิด 3D tracking แบบ subject detection เป็น portrait ซึ่งจะทำให้กล้องโฟกัสติดตามใบหน้าของเจ้าสาว / เจ้าบ่าว อยู่ตลอดเวลา สามารถกดชัตเตอร์ได้ทันที Z6iii มี subject recognition algorithms ที่ดี แต่ก็มีบางครั้งที่โฟกัสจะหลุดไปที่ฉากหลังเวลาที่กรอบมันใหญ่กว่าหน้าคน แต่ถ้ากรอบเล็กกว่าหน้าคน ก็ไม่มีปัญหาอะไร อนาคตถ้า Update firmware ก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ
รูปด้านล่างที่ผม capture มาจาก Lightroom ก็เลือกใช้โหมด 3D tracking ครับ โดยวางจุดโฟกัสไปที่คุณวุ้นเส้นเจ้าสาว แล้วกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ ในขณะที่เจ้าสาวและเพื่อนๆ กำลังเดินเข้าหากล้อง ภาพที่ได้ชัดและเข้าโฟกัสเกือบทั้งหมด จะมีหลุดไปโฟกัสฉากหลังก็ภาพสองภาพ อันเนื่องมาจากกรอบโฟกัสที่ใหญ่กว่าเจ้าสาวอย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ แต่พอเจ้าสาวเดินเข้ามาระยะใกล้ ก็ไม่มีปัญหา
Viewfinder
ถือเป็นจุดเด่นเรื่องหนึ่งของ Z6iii เลยก็ว่าได้ สำหรับช่องมองภาพที่ละเอียดและสว่างสูง โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 5.76 M dots และมีความสว่างที่ 4000 nits ดีกว่า Z6ii เยอะอยู่ (Z6ii มีความละเอียด 3.69 M dots) แต่จะบอกว่าดียังไงก็คงไม่เหมือนไปดูเองครับ ผมลองแล้วโอเคเลย
จอ Flip (Articulating screen)
เป็นกล้องตัวแรกของนิคอนที่เป็นจอ flip นะครับ เดิมทีจะเป็นจอแบบพับก้ม-เงย ได้แค่นั้น หมุนกลับไปด้านหน้าไม่ได้ ตรงนี้สาย vdo น่าจะชอบ ส่วนสายภาพนิ่ง บางคนอาจจะไม่ถนัด ซึ่งก็รวมถึงตัวผมเองด้วย แต่ของแบบนี้ปรับตัวกันได้ครับ ขอให้ใช้งานได้ดีๆ ก็ยินดีปรับตัว ^^ ข้อดีของจอแบบนี้ก็คือ flip ได้รอบตัว กลับไปด้านหน้าก็ได้ จะหมุนถ่ายแนวตั้งทั้งมุมสูงและมุมต่ำ ก็ทำได้อย่างดี
Dynamic range
dr ของ Z6iii นี้ต่ำกว่า Z6ii รุ่นพี่อยู่เล็กน้อย ซึ่งเป็นปกติของ sensor ที่อ่านข้อมูลได้เร็ว (fast readout sensors) อีกทั้งมีระดับ noise สูงกว่า Z6ii ด้วยเช่นกันครับ การออกแบบให้ sensor ทำงานได้เร็วขึ้น photodiode ใน sensors จะมีเวลาที่จะเก็บแสงได้น้อยลง dynamic range จะลดลงและ noise จะเพิ่มขึ้น เรื่องนี้มันก็เป็นสิ่งที่ต้องแลกมาหากเราต้องการให้การอ่านเขียนข้อมูลและการโฟกัสได้รวดเร็ว ส่วนต่างกันเท่าไหร่นั้นสามารถดูได้ [ที่นี่] ครับ และ [ Link นี้ ] ก็เช็คได้ว่า dr ของ Z6iii เทียบกับรุ่นอื่น หรือยี่ห้ออื่นๆ เป็นอย่างไร
Noise / High ISO performance
เช่นเดียวกับ dynamic range ครับ คือเมื่อ sensor มีความเร็วมากขึ้น ค่าการ readout มากขึ้น ก็จะทำให้ photodiode ใน sensor มีเวลาในการเก็บแสงน้อยลง ทำให้สัญญาณที่ได้อ่อนลง พอขยายสัญญาณขึ้น ก็จะทำให้ noise เพิ่มขึ้นตามมาด้วย ถ้าวัดกันที่ ISO เดียวกัน Z6iii จะมี noise มากกว่า Z6ii นิดหน่อยครับ ใครสนใจว่า noise มากน้อยกว่ากันเท่าไหร่ หรือจะเทียบกับกล้องรุ่นอื่นยี่ห้ออื่น ก็สามารถดูได้ตาม [ Link นี้ ] ครับ
File size ( RAW Recording )
ผมตั้งเมนู Raw recording (MENU button –> Photo shooting menu) โดยเลือกการบีบอัดเป็นแบบ High efficiency ซึ่งให้ไฟล์ขนาดเล็กสุดโดยมีขนาดประมาณ 10-15 MB
เมื่อเปรียบเทียบกับการตั้งการบีบอัดที่ให้ขนาดไฟล์ใหญ่กว่านี้ ในการใช้งานจริง ผมมองไม่เห็นความแตกต่างแบบสังเกตได้ ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละท่านนะครับ การตั้งแบบ Lossless compression ในทางเทคนิค ก็ย่อมให้คุณภาพที่ดีกว่าการตั้งแบบอื่นอยู่แล้ว แต่สำหรับงาน wedding ผมมองว่าการตั้งแบบ High efficiency ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานเพราะไม่ต้องใช้ memory card ที่มีความจุมากนัก อีกทั้งเวลาทำไฟล์ก็รวดเร็วเพราะไฟล์มีขนาดเล็ก
สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจ ก็ลองตั้งเป็นแบบ Lossless compression เทียบกับ High efficiency ตอนถ่ายหน้างานเลยก็ได้ครับ หาสภาพแสงที่ยากๆ หรือแสงน้อยๆ แล้วถ่ายมาเปรียบเทียบกัน ก็จะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนผมเองเลือกแบบ High efficiency แน่นอนครับ 🙂
Color / สี
สีของ Z6iii ก็เป็นสไตล์ของนิคอนครับ ผมมองไม่เห็นความแตกต่างจาก Z6/6ii ใครที่เคยทำไฟล์ตระกูล Z ตัวอื่นๆ มาก่อน ก็ไม่น่าจะมีปัญหากับสีของ Z6iii นี้ ผมเองก็ใช้ preset เดิมที่เคยใช้กับ Z6/6ii ได้เหมือนเดิมครับ ลองดูภาพด้านบน ภาพโต๊ะเค้กผมเอามาให้ดูเพื่อให้เห็นว่าสภาพแสงในอาคาร และแสงไม่มาก Nikon Z6iii ก็ยังให้สีได้สวยงาม ปรับออกมาให้เป็นสี pastel ก็ยังได้ ส่วนสองภาพล่าง ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรสำหรับการถ่ายด้วยแสงธรรมชาตินะครับ สีสวย อิ่ม แน่น จะทำให้ออกไปในโทนอื่นๆ ก็สามารถทำได้ครับ
Rich Tone Portrait Picture Control
เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่มีใน Z6iii ครับ เป็น picture control ที่จะให้ผิวมีความเรียบเนียนมากขึ้น ในขณะที่ผมและตา ยังคงมีความคมชัดอยู่ ซึ่งก็ปรับตั้งได้หลายระดับนะครับ ส่วนตัวผมเองลองแล้วก็โอเคดี แต่ผมถนัดทำเองใน Lightroom มากกว่า คือว่า workflow เดิมของผมมันก็ตอบโจทย์การทำงานได้ดีแล้ว ก็เลยไม่ได้เปลี่ยนมาใช้ฟีเจอร์นี้ครับ แต่ถ้าใครจะต้องถ่าย jpeg แล้วส่งงาน อันนี้ผมว่าน่าสนใจนะครับ 🙂
Nikon Imaging Cloud
Z6iii มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เราสามารถจะ upload ไฟล์จาก memory card ในกล้องของเรา ขึ้นไปยัง Nikon Imaging Cloud ได้เลยเมื่อกล้องเราต่อกับ Wifi โดยไม่จำกัดจำนวนไฟล์ แต่จะเก็บไว้ได้แค่ 30 วันนะครับ แต่เราก็สามารถที่ส่ง transfer ไฟล์เหล่านั้นไปยัง Cloud ที่เราใช้งานอยู่ได้ เช่น Google Drive, One drive, Dropbox etc. แต่สาย Wedding ถ่ายกันเป็นสิบเป็นร้อยกิ๊ก ผมว่าเสียบ Card reader น่าจะเร็วกว่านะ ^^’
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Z6iii เมื่อ online แล้ว สามารถใช้ preset ที่ช่างภาพท่านอื่นทำเอาไว้ได้ หากใครสนใจเรื่องนี้ ก็ลองทำตามคลิปด้านล่างได้ครับ
รีวิว Nikon Z6iii คร่าวๆ ก็จะประมาณนี้ครับ ต้องขออภัยที่ไม่ได้รีวิวเรื่องงาน vdo เนื่องจากผมใช้ในงานถ่ายภาพนิ่งเป็นหลัก จะให้ไปเล่าเรื่อง vdo ก็คิดว่าคงไม่ใช่ทาง ^^’ ส่วนข้อดีข้อด้อยในความเห็นผมก็จะประมาณนี้ครับ
:: Pros ::
- โฟกัสเร็ว 3D Tracking ดีขึ้นกว่าเดิม
- จอหลัง Flip ได้
- ช่องมองภาพสว่างมากจริง
- Rolling shutter ต่ำ
- IBS (In-body Image Stabilize) 8 stop ดีงาม ใช้งานได้ดีในที่แสงน้อย
- AF ทำงานที่ -10 EV งาน wedding ถือว่าได้ใช้
:: Cons::
- Dynamic range ต่ำกว่า Z6/Z6ii นิดหน่อย
- High ISO ด้อยกว่ารุ่นพี่นิดหน่อยเหมือนกัน
รีวิว Nikon Z6iii นี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจของเพื่อนๆ ช่างภาพ wedding ได้บ้างนะครับ สำหรับคำถามสำคัญของหลายๆ ท่านก็คือ หากมี Z6/6ii อยู่แล้วควรเปลี่ยนไหม ผมตอบได้ว่าหากต้องการความเร็ว และฟีเจอร์ต่างๆ ที่เล่าไป การอัปเกรดถือว่าคุ้มครับ แต่ถ้าไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้น ตัวเดิมก็ยังใช้งานได้ดีครับ ยังไม่ต้องเปลี่ยน เพราะว่ากันจริงๆ เรื่อง dr / noise ก็ดรอปลงกว่ารุ่นพี่เล็กน้อย แต่ก็ได้เรื่องฟีเจอร์และความเร็วเข้ามาแทน ทั้งนี้ไม่รวมเรื่องจุดเด่นด้าน vdo นะครับ
บทความอื่นๆ ของผมครับ
รีวิว Nikkor Z 50mm f/1.4
รีวิว Nikon Z6ii
ไฟล์ DNG คืออะไร
Dynamic Range คืออะไร
TonnamLamtan.Com
Tel : 089-117-8256
Comments are closed.